วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

อย่าว่าแต่กลัวเลย เกรงใจยังไม่มี

คนสมัยนี้มีนิสัยใจคอผิดไปจากสมัยก่อนมากๆ

ถ้าเป็นสัก 40 ปีก่อน ขึ้นไป
ความสัมพันธ์ระหว่าง นายจ้างกับลูกจ้าง จะเป็นไปในแบบที่เจ้านายคือผู้มีพระคุณ มีอำนาจเด็ดขาด สั่งอะไรก็ต้องทำ ด่าก็ต้องฟัง ต้องอดทนอย่างเดียว ลูกน้องนี่อย่าว่าแต่เถียงต่อหน้าเลย แม้แต่นินทาลับหลังก็ยังไม่ค่อยกล้า

แต่พอมาสัก 20 ปีก่อน
ลูกน้องจะเริ่มเป็นพวกคนเริ่มมีการศึกษาปานกลาง เจ้านายสั่งก็ยังฟังอยู่ แต่เริ่มทำบ้างไม่ทำบ้าง ถึงยังไม่กล้าเถียง แต่ก็เอาไปนินทาลับหลังกันสนุกปากได้แบบไม่รู้สึกอะไร

พอมาสมัยนี้เหรอ
ลูกน้องพวกนี้ ก็เรียนเท่าเดิมนั่นแหละ แต่รู้มากขึ้นเพราะโอกาสเข้าถึงความรู้ต่างๆมันง่าย พวกนี้จะไม่ประมาณตัว ตีตนสูงกว่าความเป็นจริง ไม่มีความเคารพเกรงใจเจ้านายอีกต่อไป เถียงเจ้านายนี่เป็นเรื่องปกติ ลับหลังไม่ใช่แค่นินทา แต่ด่าขุดโคตรเหง้าสักหลาดกันเลย แถมพากันรวมหัวนินทาเจ้านายลามปามสนุกปาก
ทำงานก็แย่ คิดแต่จะรวยทางลัด โกงได้ก็โกง ขโมยได้ก็ขโมย เหมือนเลี้ยงโจรไว้ในบ้าน

กำลังคิดว่า ถ้าต้องจ่ายเงินให้ แล้วยังต้องเจอพฤติกรรมแบบนี้ จะจ้างทำไม
พวกกิจการขนาดเล็กที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับลูกน้องใกล้ชิด นับวันยิ่งต้องปวดหัวกับทัศนคติห่วยๆ ของคนสมัยนี้และต่อไปมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกกิจการใหญ่ๆ เขามีระบบจัดการคนที่เป็นลำดับขั้น และปลดพนักงานได้ง่ายดายกว่ามาก เขาไม่ปวดหัวเท่าไหร่

คิดว่าต่อไป กิจการเล็กๆ การมีลูกน้องเกิน 2 คน จะเริ่มปวดหัวมากๆ
ถ้าทำเองได้ คงเลือกเหนื่อยกาย แต่สบายใจ จะดีกว่า

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วงการธุรกิจ ไม่มีหรอกมิตรแท้...

วงการธุรกิจ ถ้ามีสิ่งที่เรียกว่า "ร่วมมือ" กันล่ะก็ มันไม่ใช่การช่วยเหลือแบบการกุศลแน่
มันจะเป็นการเข้าหากันแบบต่างฝ่ายต่างช่วงชิงความเอาเปรียบ

ดังนั้นถ้ารู้ตัวว่าตัวเองอยู่ในฐานะด้อยกว่าเขา เช่นเงินน้อยกว่า แวดวงแคบกว่า
ก็ให้สำเหนียกไว้ว่า การที่เขาเข้ามา เป็นแค่การเข้ามาหาผลประโยชน์แบบเอากุ้งฝอยมาตกปลาใหญ่
ถ้าเขาไม่ได้อะไร เขาไม่มาหรอก

อย่าหลงไหลได้ปลื้ม ไม่ว่าเขาจะดูดี พูดดี หรือร่ำรวยแค่ไหน
ไม่มีทางที่เขาจะไม่เอาเปรียบเรา

วงการธุรกิจไม่มีหรอกมิตรแท้
มีแค่ว่าใครจะตอแหลเก่งกว่ากันเท่านั้นแหละ...